ปฏิรูปการศึกษา
6 ด้าน
รูปธรรมความสำเร็จการพัฒนาศักยภาพกำลังคนของประเทศ
กระทรวงศึกษาธิการ เผยแพร่บทความพิเศษ “ปฏิรูปการศึกษา 6 ด้าน
รูปธรรมความสำเร็จการพัฒนาศักยภาพกำลังคนของประเทศ”
ซึ่งเป็นสรุปผลสัมฤทธิ์การดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีด้านการศึกษาในช่วง
3 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2559-2561)*
การศึกษามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาคนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำหนดนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของประเทศที่มุ่งยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นโจทย์ของกระทรวงศึกษาธิการในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาการศึกษาของชาติและปักหมุดไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่การศึกษาในศตวรรษที่ 21
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำหนดนโยบายการปฏิรูปการศึกษาของประเทศที่มุ่งยกระดับคุณภาพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ซึ่งเป็นโจทย์ของกระทรวงศึกษาธิการในการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาการศึกษาของชาติและปักหมุดไปข้างหน้าเพื่อพัฒนาคุณภาพสู่การศึกษาในศตวรรษที่ 21
ห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการ ได้ดำเนินการปฏิรูป
เพื่อแก้ปัญหา ปรับปรุง และพัฒนางานภายใต้กรอบการปฏิรูปใน ๖ ด้าน ประกอบด้วย
การปฏิรูปครู การเพิ่มและกระจายโอกาสทางการศึกษา การปฏิรูปการบริหารจัดการ
การผลิตและพัฒนากำลังคนเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน การปฏิรูปการเรียนรู้ และการปรับระบบ
ICT เพื่อการศึกษา
โดยมีผลสัมฤทธิ์ตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ดังนี้
1. ด้านการปฏิรูปครู ได้ดำเนินการโครงการสำคัญในหลายเรื่อง
อาทิ การพัฒนาศักยภาพครู โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ผ่านโครงการ Boot Camp การตั้งสถาบันคุรุพัฒนา
เพื่อการพัฒนาครูแบบครบวงจรเพื่อลดการจัดอบรมสัมมนาซ้ำซ้อน
แก้ปัญหาครูออกนอกห้องเรียน
การดึงคนเก่งคนดีมาเรียนครูผ่านโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น จะทำให้ได้ครูเก่งที่ทำงานในภูมิลำเนา
จำนวนถึง 26,976 คน ในระยะเวลา 5 ปี นอกจากนี้ ยังสร้างขวัญและกำลังใจให้ครูผ่านโครงการต่าง ๆ อีกมากมาย
ทั้งการปรับระบบการพัฒนาวิทยฐานะที่มุ่งเน้นการประเมินจากความมุ่งมั่นตั้งใจในการปฏิบัติงานของครูแทนการตรวจเอกสาร
การปรับปรุงบ้านพักครู การแก้ปัญหาหนี้สินครูด้วยการลดดอกเบี้ย ชพค. เหล่านี้
เพื่อพัฒนาศักยภาพครู เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนต่อไป
2. การเพิ่ม กระจายโอกาส
และพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้ดำเนินโครงการสำคัญต่าง ๆ
เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ดังนี้
การจัดการศึกษาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจชายแดนภาคใต้
จัดการศึกษาของศูนย์ศาสนาอิสลามประจำมัสยิด สถาบันศึกษาปอเนาะ
จัดตั้งโรงเรียนประชารัฐจังหวัดชายแดนภาคใต้และอาชีวศึกษาประชารัฐ สำหรับเด็กที่มาจากครอบครัวผู้มีรายได้น้อย
หรือได้รับผลกระทบจากความไม่สงบ ดำเนินการเปิดไปแล้ว จำนวน 68 แห่ง การกระจายโอกาสให้กับเด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล โรงเรียนขนาดเล็ก
ผ่านโครงการติวฟรีดอทคอม DLTV DLIT โรงเรียนดีใกล้บ้าน
โรงเรียนประชารัฐ รวมทั้งการจัดการศึกษาให้กับประชาชนทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ประชาชนวัยแรงงาน
การจัดการศึกษาอาชีพสำหรับประชาชนกว่า 500,000 คนต่อปี
การปรับระบบสอบเข้าสถาบันอุดมศึกษา
ตลอดจนการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การศึกษาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจจังหวัดชายแดนภาคใต้
การศึกษาสำหรับผู้พิการ ทั้งนี้ เพื่อให้การจัดการศึกษาเป็นการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับคนทุกคน
3. การปฏิรูปการบริหารจัดการ ได้มีการปรับระบบการบริหารจัดการในหลายเรื่อง
ดังนี้ พัฒนาการจัดการศึกษาในรูปแบบ Partnership School มีโรงเรียนเข้าร่วม
จำนวน 42 แห่ง และบริษัทเข้าร่วม จำนวน 11 แห่ง กำหนดวิธีการจัดการสอบผู้อำนวยการเขตพื้นที่ในรูปแบบใหม่
โดยมุ่งเน้นให้ได้คนเก่ง และป้องกันการทุจริตจากการคัดเลือก
การปรับวิธีการประเมินและการประกันคุณภาพสถานศึกษา
ที่สามารถประหยัดงบประมาณกว่าพันล้านบาท
แต่เป็นการประเมินเพื่อพัฒนาและไม่เป็นภาระให้ครู
การประกาศใช้พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
การจัดตั้งกระทรวงใหม่ที่ดูแลการศึกษาระดับอุดมศึกษา การตรากฎหมายเกี่ยวกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
การสื่อสารสร้างความเข้าใจในการดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการในรูปแบบที่ทันสมัยผ่านโครงการการสร้างการรับรู้การดำเนินงานของกระทรวงศึกษาธิการ
ตลอดจนการเร่งปราบปรามการทุจริตในกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ ปราบปรามทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต
ปราบปรามทุจริต MOE Net ปราบปรามทุจริตการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอควาเรียม
สงขลา
เพื่อให้เกิดการบริหารงานของกระทรวงศึกษาธิการเป็นไปด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพ
4. การผลิตและพัฒนากำลังคน
เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน เป็นการผลิตและพัฒนาคนให้ตรงกับความต้องการของการพัฒนาประเทศ
ดำเนินโครงการสำคัญ ดังนี้ จัดหลักสูตรอาชีวะพันธุ์ใหม่ ดำเนินการสร้างและผลิตอาชีวะในอุตสาหกรรม
จัดหลักสูตรอาชีวะพันธุ์ใหม่ที่เน้นผลิตช่างในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ 5
สาขา มีวิทยาลัยอาชีวศึกษา เข้าร่วมทั้งหมด 27 แห่ง มีเป้าหมายผลิตอาชีวะพันธุ์ใหม่ให้ได้ 8,500 คนใน
5 ปี มาตรการลดการทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวศึกษา ที่ส่งผลให้การทะเลาะวิวาทลดลงอย่างต่อเนื่อง
สัตหีบโมเดลที่เน้นการเรียนจริง รู้จริง ได้ลงมือทำจริง
ผลิตกำลังคนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับ New S-Curve สร้างระบบการเตรียมนวัตกรในพื้นที่
EEC การจัดการศึกษาด้านอาชีพให้กับประชาชนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EEC) โดยมีผู้ประกอบการพัฒนาอาชีพ พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ 6,600
คน/ปี โครงการห้องเรียนอาชีพที่เรียนสามัญคู่กับสายอาชีพ
เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่อาชีพ จบแล้วมีงานทำ มีโรงเรียนนำร่อง 6 แห่ง การสร้างบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมของประเทศใน 8
สาขาวิชา มีสถาบันอุดมศึกษาเปิดสอนในปี 2561 จำนวน
20 แห่ง 235 หลักสูตร
โครงการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาเขตพัฒนาพิเศษ
ภาคตะวันออก เพื่อส่งเสริมและเพิ่มปริมาณผู้เรียนอาชีวศึกษา
โดยจะดำเนินการได้ครบทุกภาค การศึกษาระบบ KOSEN เพื่อเตรียมกำลังคนของประเทศ
ซึ่งจะเป็นการเตรียมกำลังคนที่สำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป
5. การปฏิรูปการเรียนรู้ ได้ดำเนินการจัดการศึกษาสำหรับผู้มีความสามารถเฉพาะด้าน
ผ่านโครงการห้องเรียนกีฬาห้องเรียนดนตรี โครงการสานฝันการกีฬาชายแดนใต้
เพื่อให้เป็นไปตามศักยภาพ การเสริมสร้างอุดมการณ์รักชาติ
ศาสนาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
โดยปรับหลักสูตรให้เพิ่มเติมทางประวัติศาสตร์
การสร้างค่านิยมที่พึงประสงค์ผ่านกิจกรรมลูกเสือ การบูรณาการการสอนวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีวิศวกรรมศาสตร์
คณิตศาสตร์ผ่าน STEM
ศึกษา การพัฒนาเด็กให้อ่านคล่องเขียนคล่อง
รวมถึงให้ประชาชนอ่านออกเขียนได้ทุกคน การจัดทำแผนพัฒนาเด็กปฐมวัย
เพื่อเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ผู้เรียนผ่านโครงการ English
for All EchoV รวมถึงการพัฒนามหาวิทยาลัยราชภัฏ
ให้เป็นมหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง
6. การปฏิรูป ICT เพื่อการศึกษา โดยการพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ต
และระบบฐานข้อมูล ได้แก่ การดำเนินโครงการจัดหา High Speed Internet ในโรงเรียน ที่ให้โรงเรียนเลือกผู้ให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเอง
ทำให้โรงเรียนมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงใช้
และสามารถลดค่าใช้จ่ายจากเดิมปีละประมาณ 2,000 ล้านบาท
และโครงการ Big Data กระทรวงศึกษาธิการ
เพื่อการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางของทุกหน่วยงานในกระทรวงศึกษาธิการให้สามารถรองรับการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับฐานข้อมูลกลางของกระทรวงศึกษาธิการ
ได้แบบ On-Line Real Time ทำให้สามารถใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการฐานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของผลสัมฤทธิ์การปฏิรูปการศึกษาจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
ที่กระทรวงศึกษาธิการมุ่งมั่นให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อให้ประชาชนของประเทศ มีคุณภาพและมีศักยภาพที่สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ
อันเป็นพื้นฐานในการพัฒนาประเทศไทย ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน
และสามารถแข่งขันได้อย่างเต็มภาคภูมิ”
ที่มา http://www.moe.go.th/websm/2018/2/193.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น