วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กิจกรรมบทที่ 11


บทที่11
กิจกรรม
       1.       สืบค้นจากหนังสือหรือในระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เรื่อง ปัญหาและแนวโน้มของ
หลักสูตร
 ตอบ ปัญหาในการพัฒนาหลักสูตร
  - ในอดีตการจัดศึกษาไทยเป็นระบบศูนย์รวม สถานศึกษาต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดและหลักสูตรที่สร้างขึ้นจากส่วนกลาง ซึ่งไม่สะท้อนสภาพความต้องการที่แท้จริงของสถานศึกษาและท้องถิ่น
  - เกิดจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอนและการพัฒนาหลักสูตร เช่น ครู ผู้บริหาร ผู้จัดทำหลักสูตร ไม่เข้าใจกระบวนการของการพัฒนาหลักสูตร มีเจตคติที่ไม่ดีต่อการพัฒนาหลักสูตร ไม่ยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงของหลักสูตร มีความรู้ความสามารถไม่เพียงพอที่จะพัฒนาหลักสูตร
  - ขาดงบประมาณสนับสนุน เช่น ขาดงบประมาณในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ เอกสาร เงินสนับสนุนช่วยเหลือครูแต่ละวันในการพัฒนาหลักสูตร เป็นต้น
  - การบริหารจัดการ เช่น ขาดการประสานงานี่ดีระหว่างระหน่วยงานต่างๆ ขาดผู้เชี่ยนชาญที่มีความรู้ ความเข้าใจและทักษะในการให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาหลักสูตร ขาดการวางแผนด้านเวลา บรรยากาศของโรงเรียนไม่ส่งเสริมการทำงาน
แนวโน้มในการพัฒนาหลักสูตร
  - เป็นหลักสูตรที่เน้นให้ผู้เรียนคิดเป็น ทำเป็น วิเคราะห์เป็น ไม่เน้นท่องจำเหมือนในอดีต เช่น จัดการเรียนรู้แบบโครงการ ให้ครูและนักเรียนช่วยกันพัฒนาโจทย์ขึ้นด้วยกัน การเสาะแสวงหาข้อมูล การลงภาคสนาม การทดลองปฏิบัติ การจดบันทึกข้อมูล การสรุปบทเรียนด้วยตนเอง โดยมีครูเป็นวิทยากรกระบวนการ ผู้ให้คำแนะนำปรึกษาต่อนักเรียน
  - สื่อและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทในการเรียนเพิ่มมากขึ้น เช่น  มีการค้นคว้าหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตด้วยตนเองซึ่งผู้เรียนจะสามารถค้นคว้า มีทักษะเข้าสู่ระบบข้อมูลข่าวสาร องค์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่มากมายได้ตลอดเวลา จัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนการสอนแบบทางไกล ซึ่งจะทำให้ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา สถานที่
  - เน้นการบูรณาการ แต่ยังคงเนื้อหาสาระของแต่ละรายวิชาอยู่ทั้งด้านภาษา การคิดคำนวณและด้านเหตุผลหรือวิทยาศาสตร์
  - เน้นการมีส่วนร่วมและการกระจายอำนาจให้แก่ท้องถิ่นและสถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน แต่ส่วนกลางยังคงเป็นผู้กำหนดมาตรฐานการเรียนรู้เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแต่ละแห่ง
  - ให้ครูและผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรอย่างแท้จริง เช่น การจัดอบรมสัมมนา.เรื่องการพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง จัดให้มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักสูตรมาให้คำแนะนำช่วยเหลือในการพัฒนาหลักสูตร
  - เน้นหลักสูตรท้องถิ่นที่มีความหลากหลายและให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
  - เนื่องจากในยุคปัจจุบันภาษาต่างประเทศมีความจำเป็นในดำรงชีวิตของผู้คนเพิ่มมากขึ้นประกอบกับประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาเวียดนาม ลาว มลายู อังกฤษ รวมไปถึงมีการเปิดหลักสูตรนานาชาติเพิ่มขึ้นด้วย
      2.ศึกษาทำความเข้าใจเพิ่มเติมจากวิจารณ์ พานิช. วิถีการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21
ตอบ
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย ในศตวรรษที่ 21
ทักษะชีวิตและอาชีพ
    ความยืดหยุ่นและปรับตัว
    การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
    ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม
    การเป็นผู้สร้างหรือผลิต  (Productivity)  และความรับผิดรับชอบ  เชื่อถือได้
(Accountability)
    ภาวะผู้นําและความรับผิดชอบ (Responsibility)
นอกจากนั้นโรงเรียนและครูต้องจัดระบบสนับสนุนการเรียนรู้ต่อไปนี้
    มาตรฐานและการประเมินในยุคศตวรรษที่ 21
    หลักสูตรและการเรียนการสอนสําหรับศตวรรษที่ 21
    การพัฒนาครูในศตวรรษที่ 21
    สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนในศตวรรษที่ 21
26 พฤศจิกายน 2553
http://www.gotoknow.org/blog/thaikm/414362
6
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
ศาสตราใหม่ สําหรับครูเพื่อศิษย์
ครูเพื่อศิษย์ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยสิ้นเชิงเพื่อให้เป็น
ครูเพื่อศิษย์
ในศตวรรษที่  21”
  ไม่ใช่ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่  20  หรือศตวรรษที่  19  ที่เตรียม
คนออกไปทํางานในสายพานการผลิตในยุคอุตสาหกรรม  การศึกษาในศตวรรษที่  21
ต้องเตรียมคนออกไปเป็นคนทํางานที่ใช้ความรู้  (Knowledge  Worker)  และเป็น
บุคคลพร้อมเรียนรู้  (Learning  Person)  ไม่ว่าจะประกอบสัมมาชีพใด  มนุษย์ใน
ศตวรรษที่  21  ต้องเป็นบุคคลพร้อมเรียนรู้  และเป็นคนทํางานที่ใช้ความรู้  แม้จะ
เป็นชาวนาหรือเกษตรกรก็ต้องเป็นคนที่พร้อมเรียนรู้  และเป็นคนทํางานที่ใช้ความรู้
ดังนั้น ทักษะสําคัญที่สุดของศตวรรษที่ 21 จึงเป็นทักษะของการเรียนรู้ (Learning
Skills)
การศึกษาในศตวรรษที่  21  จําต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะต้องเตรียมคน  ไปเผชิญ
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รุนแรง พลิกผัน และคาดไม่ถึง คนยุคใหม่จึงต้องมีทักษะ
สูงในการเรียนรู้และปรับตัว
ครูเพื่อศิษย์จึงต้องพัฒนาตนเองให้มีทักษะของการเรียนรู้ด้วย และในขณะ
เดียวกันก็ต้องมีทักษะในการทําหน้าที่ครูในศตวรรษที่  21  ซึ่งไม่เหมือนการทําหน้าที่
ครูในศตวรรษที่ 20 หรือ 19
ทักษะของคนในศตวรรษที่  21  ที่คนทุกคนต้องเรียนรู้ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจน
ถึงมหาวิทยาลัย และตลอดชีวิต คือ 3R x 7C
3R  ได้แก่  Reading  (อ่านออก),  (W)Riting  (เขียนได้)  และ  (A)Rithmetics
(คิดเลขเป็น)
7C  ได้แก่  Critical  Thinking  &  Problem  Solving  (ทักษะด้านการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
Creativity & Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
Cross-cultural  Understanding  (ทักษะด้านความเข้าใจต่างวัฒนธรรม
ต่างกระบวนทัศน์)
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์  พานิช
7
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ การเรียนรู้ 3R x 7C
ครูเพื่อศิษย์เองต้องเรียนรู้ 3R x 7C และต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต แม้เกษียณอายุ
จากการเป็นครูประจําการไปแล้ว เพราะเป็นการเรียนรู้เพื่อชีวิตของตนเอง ระหว่าง
เป็นครูประจําการก็เรียนรู้สําหรับเป็นครูเพื่อศิษย์ และเพื่อการดํารงชีวิตของตนเอง
Collaboration, Teamwork & Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ
การทํางานเป็นทีม และภาวะผู้นํา)
Communications, Information & Media literacy (ทักษะด้านการสื่อสาร
สารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ)
Computing & ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยี
สารสนเทศและการสื่อสาร) 
Career & Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)
21
st
 Century Learning Framework
21
st
 Century Knowledge-and-Skills Rainbow
(http://www.schoollibrarymonthly.com/articles/img/Trilling-Figure1.jpg)
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย ในศตวรรษที่ 21
8
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
ครูเพื่อศิษย์ต้องฝึกฝนตนเองให้มีทักษะในการเป็นโค้ช  และเป็น  คุณอํานวย”
(Facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL (Project-based Learning) ของศิษย์ ซึ่งผม
จะเขียนรายละเอียดเรื่อง PBL ในบทต่อ ๆ ไป
ขอย้ําว่าครูต้องเลิกเป็น  ผู้สอน”  ผันตัวเองมาเป็นโค้ช  หรือ  คุณอํานวย”
ของการเรียนของศิษย์ที่ส่วนใหญ่เรียนแบบ PBL นั่นหมายถึง โรงเรียนในศตวรรษที่
21 ต้องเลิกเน้นสอน หันมาเน้นเรียน ซึ่งต้องเน้นทั้งการเรียนของศิษย์และของครู
ครูจะต้องปรับตัวมากซึ่งเป็นเรื่องยาก  จึงต้องมีตัวช่วย  คือ  Professional
Learning  Communities  (PLC)  ซึ่งก็คือ  การรวมตัวกันของครูประจําการเพื่อ
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์การทําหน้าที่ครูนั่นเองขณะนี้มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์
(มสส.)  กําลังจะจัด  PLC  ไทย  เรียกว่า  ชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์  (ชร.คศ.)  หรือใน
ภาษาการจัดการความรู้  (Knowledge  Management  หรือ  KM)  เรียกว่า  CoP
(Community of Practice) ของครูเพื่อศิษย์นั่นเอง
ชุมชนเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์  (ชร.คศ.)  คือ  ตัวช่วยการเรียนรู้ของครู  เพื่อให้การ
ปรับตัวของครู และการเปลี่ยนชุดความรู้และชุดทักษะของครูไม่เป็น เรื่องยากแต่จะ
สนุกเสียด้วยซ้ํา
                                  15 ธันวาคม 2553
http://www.gotoknow.org/blog/thaikm/415058
ที่มา:
 ทักษะครูเพื่ิอศิษย์ไทยในศตวรรษที่ 21 หน้า 15 - 21 ตีพิมพ์อยู่ใน
หนังสือวิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21 จัดพิมพ์โดยมูลนิธิสดศรี สฤษดิวงศ์ 2555
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์  พานิช
9
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
ทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม  (Learning  and  Innovation  Skills)
นี้คือ  ทักษะพื้นฐานที่มนุษย์ในศตวรรษที่  21  ทุกคนต้องเรียน  เพราะโลกจะยิ่ง
เปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น คนที่อ่อนแอในทักษะ
ด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมจะเป็นคนที่ตามโลกไม่ทัน  เป็นคนอ่อนแอ  ชีวิตก็จะ
ยากลําบาก
ครูเพื่อศิษย์จึงต้องเอาใจใส่  พัฒนาขีดความสามารถของตนเองในด้านนี้
ให้สามารถออกแบบการเรียนรู้เพื่อให้ศิษย์เรียนรู้และพัฒนาทักษะของตนเองในด้าน
การเรียนรู้และนวัตกรรมได้ตลอดชีวิต 
วิธีออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์มีทักษะนี้  ใช้หลักการว่า  ต้องมีการเรียนรู้แบบ
ที่เด็กร่วมกันสร้างความรู้เองคือ
เรียนรู้โดยการสร้างความรู้ และ เรียนรู้เป็นทีม
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมนี้อยู่ที่ยอดของ Knowledge and Skills
Rainbow ซึ่งเป็นหัวใจของทักษะเพื่อการดํารงชีวิตในศตวรรษที่ 21
การเรียนรู้ทักษะในการเรียนรู้  (Learning  How  to  Learn  หรือ  Learning
Skills)  และเรียนรู้ทักษะในการสร้างการเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้น  (นวัตกรรม)
ประกอบด้วยทักษะย่อย ๆ ดังต่อไปนี้
1.   การคิดอย่างมีวิจารณญาณ  (Critical  Thinking)  และการแก้ปัญหา
(Problem Solving) ซึ่งหมายถึง การคิดอย่างผู้เชี่ยวชาญ (Expert Thinking)
2.   การสื่อสาร  (Communication)  และความร่วมมือ  (Collaboration)
ซึ่งหมายถึง การสื่อสารอย่างซับซ้อน (Complex communicating)
3.    ความริเริ่มสร้างสรรค์  (Creativity)  และนวัตกรรม  (Innovation)
ซึ่งหมายถึง การประยุกต์ใช้จินตนาการและการประดิษฐ์
ศิษย์ของท่านจะต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในการดํารงชีวิต  เพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ของตนเอง  และเพื่อการทํางานสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าต่อการดํารงชีวิตในโลกของการงาน
ที่เน้นความรู้  เป็นการท้าทายครูเพื่อศิษย์ว่า  ท่านจะออกแบบการเรียนรู้ให้แก่ศิษย์
ของท่านอย่างไร  ให้ศิษย์ได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้ติดตัวไป  ทักษะเหล่านี้สอนโดยตรง
ไม่ได้ แต่จัดกระบวนการให้เรียนรู้ได้
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย ในศตวรรษที่ 21
10
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการบ่มเพาะทักษะทั้ง 3 คือ การฝึกตั้งคําถาม
การตั้ง
คําถามที่ถูกต้องสําคัญกว่าการหาคําตอบ
 ครูเพื่อศิษย์จึงต้องชวนศิษย์หรือเปิดโอกาส
ให้ศิษย์ตั้งคําถามแปลก ๆ และชวนกันหาทางทดลองหรือค้นคว้าเพื่อตอบคําถามนั้น
ทุกโอกาสของทุกกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ควรชวนกันตั้งคําถาม  ศิษย์ควรได้เรียนรู้ว่า
คําถามที่ถูกต้องเป็นอย่างไร และนําไปสู่การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ อย่างไร ที่จริงเรื่องนี้
ไม่ยากหากครูฝืนใจตัวเอง ไม่ยึดถูกผิดตามทฤษฎี แต่ชักชวนเด็กร่วมกันหาคําตอบที่
นําไปสู่การเรียนรู้หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่
หัวใจของเรื่องนี้คือ  จิตวิญญาณของความไม่รู้  หรือไม่รู้จริง  หรือไม่เชื่อง่าย
แล้วหาทางพิสูจน์เพื่อท้าทายความรู้เดิม ๆ ทั้งของตนเองและของโลก 
มีความเข้าใจผิดที่เชื่อกันแพร่หลายในวงการศึกษาว่า  นักเรียนต้องเรียนความรู้
รายวิชาจนเข้าใจคล่องแคล่วก่อน   แล้วจึงจะสามารถนําความรู้นั้นไปใช้งานได้
ผลการวิจัยสมัยใหม่บอกว่า การเรียนโดยประยุกต์ใช้ ความรู้เพื่อเรียนรู้ทักษะ ด้านการคิด
อย่างมีวิจารณญาณ การแก้ปัญหา และความริเริ่มสร้างสรรค์ไปพร้อม ๆ กับเรียนเนื้อหา
ให้ผลสัมฤทธิ์ด้านการเรียนรู้สูงกว่า เพราะเด็กมีความตั้งใจเรียนมากกว่า
ทฤษฎีใหม่คัดค้านทฤษฎีเก่าโดยสิ้นเชิงว่า  การเรียนรู้ไม่ได้มีลักษณะ  เรียงเป็น
แถว  จากเรียนรู้ทักษะหรือความรู้พื้นฐานไปสู่การเรียนรู้ทักษะที่ซับซ้อน  (จากความรู้
(Knowledge) ไปสู่ความเข้าใจ (Comprehension) การประยุกต์ใช้ (Application)
การวิเคราะห์ (Analysis) การสังเคราะห์ (Synthesis) และการประเมิน (Evaluation)
(ตามลําดับ) แต่ในความเป็นจริง การเรียนรู้เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และการเรียนรู้
จริงต้องเลย  (Beyond)  การรู้เนื้อหาไปสู่ความเข้าใจแท้จริงในระดับที่เอาไปใช้ได้ใน
สถานการณ์จริง การเรียนรู้เนื้อหาไปพร้อม ๆ กับการใช้ประโยชน์ในสถานการณ์จริง
หรือ เรียนทุกขั้นตอนในวงเล็บข้างบนไปพร้อม ๆ กันในสถานการณ์จริง จึงให้ผลการ
เรียนรู้ที่ลึกและเชื่อมโยงกว่าคือ รู้จริง
ขั้นตอนการเรียนรู้จากผลการวิจัยในยุคปัจจุบันคือจําได้ (Remember) เข้าใจ
(Understand)  ประยุกต์ใช้ (Apply) วิเคราะห์ (Analyze)  ประเมิน  (Evaluate)
และสร้างสรรค์ (Create) โดยที่ขั้นตอนเหล่านี้เกิดพร้อม ๆ กันได้ หรืออะไรเกิดก่อน
เกิดหลังได้ทั้งสิ้น รวมทั้งเกิดเรียงลําดับจากหลังไปหน้าก็ได้
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์  พานิช
11
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
1.    การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการแก้ปัญหา
การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
ควรมีเป้าหมายและวิธีการดังต่อไปนี้
เป้าหมาย: นักเรียนสามารถใช้เหตุผล
    คิดได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลหลากหลายแบบ  ได้แก่  คิดแบบอุปนัย
(Inductive) คิดแบบอนุมาน (Deductive) เป็นต้น แล้วแต่สถานการณ์
เป้าหมาย: นักเรียนสามารถใช้การคิดกระบวนระบบ (Systems Thinking) 
    วิเคราะห์ได้ว่าปัจจัยย่อยมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร จนเกิดผลในภาพรวม
เป้าหมาย: นักเรียนสามารถใช้วิจารณญาณและตัดสินใจ
    วิเคราะห์และประเมินข้อมูลหลักฐาน การโต้แย้ง การกล่าวอ้างและความเชื่อ
    วิเคราะห์เปรียบเทียบและประเมินความเห็นหลัก ๆ
    สังเคราะห์และเชื่อมโยงระหว่างสารสนเทศกับข้อโต้แย้ง
    แปลความหมายของสารสนเทศและสรุปบนฐานของการ วิเคราะห์
    ตีความและทบทวนอย่างจริงจัง (Critical Reflection) ในด้านการเรียนรู้
และกระบวนการ
เป้าหมาย: นักเรียนสามารถแก้ปัญหาได้
ฝึกแก้ปัญหาที่ไม่คุ้นเคยหลากหลายแบบ  ทั้งโดยแนวทางที่ยอมรับกัน
ทั่วไป และแนวทางที่แหวกแนว
    ตั้งคําถามสําคัญที่ช่วยทําความกระจ่างให้แก่มุมมองต่าง ๆ เพื่อนําไปสู่
ทางออกที่ดีกว่า
การเรียนทักษะเหล่านี้ทําโดย PBL (Project-based Learning) และต้องเรียน
เป็นทีม ไม่ใช่เรียนจากครูสอนในชั้นเรียน
2.    การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ
โลกในศตวรรษที่  21  ต้องการทักษะของการสื่อสารและความร่วมมือ
ที่กว้างขวางและลึกซึ้งกว่าโลกสมัยก่อนอย่างเทียบกันไม่ได้เลย  เป็นผลจากเทคโนโลยี
ดิจิตอล และเทคโนโลยีการสื่อสาร (Digital & Communication Technology)
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย ในศตวรรษที่ 21
12
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ  ควรมีเป้าหมาย
และวิธีการดังต่อไปนี้
เป้าหมาย: ทักษะในการสื่อสารอย่างชัดเจน
เรียบเรียงความคิดและมุมมอง  (Idea)  ได้เป็นอย่างดีสื่อสารออกมาให้
เข้าใจง่ายและงดงาม และมีความสามารถสื่อสารได้หลายแบบ ทั้งด้วยวาจา
ข้อเขียนและภาษาที่ไม่ใช่ภาษาพูดและเขียน (เช่น ท่าทาง สีหน้า)
    ฟังอย่างมีประสิทธิผล เกิดการสื่อสารจากการตั้งใจฟัง ให้เห็น ความหมาย
ทั้งด้านความรู้ คุณค่า ทัศนคติ และความตั้งใจ
    ใช้การสื่อสารเพื่อบรรลุเป้าหมายหลายด้าน เช่น แจ้งให้ทราบ บอกให้ทํา
จูงใจ และชักชวน
สื่อสารอย่างได้ผลในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย  รวมทั้งในสภาพที่
สื่อสารกันด้วยหลายภาษา
เป้าหมาย: ทักษะในการร่วมมือกับผู้อื่น
แสดงความสามารถในการทํางานอย่างได้ผล  และแสดงความเคารพให้
เกียรติทีมงานที่มีความหลากหลาย
    แสดงความยืดหยุ่นและช่วยประนีประนอมเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
    แสดงความรับผิดชอบร่วมกันในงานที่ต้องทําร่วมกันเป็นทีม  และเห็น
คุณค่าของบทบาทของผู้ร่วมทีมคนอื่น ๆ
3.    การออกแบบการเรียนรู้ทักษะด้านความสร้างสรรค์และนวัตกรรม
โลกในศตวรรษที่  21  เป็นโลกที่ไม่หยุดนิ่ง  เกิดการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
(และบางครั้งพลิกผัน)  คนที่จะอยู่ได้อย่างสอดคล้องกับสังคมในยุคใหม่จึงต้องฝึก
ความสร้างสรรค์และนวัตกรรม  ซึ่งที่จริงมีอยู่แล้วในความเป็นมนุษย์  แต่การเรียนรู้
และการฝึกฝนที่ดีจะช่วยให้แหลมคม  ฉับไว  และอดทน  คนที่มีทักษะนี้สูงจะได้งาน
ที่ดีกว่า ชีวิตก้าวหน้ากว่า และจะทําประโยชน์ให้แก่สังคมและแก่โลกได้ดีกว่า
ที่จริงโลกกําลังเปลี่ยนยุค  จากยุคความรู้สู่ยุคนวัตกรรม  การฝึกพลังสร้างสรรค์
และนวัตกรรมจึงสําคัญยิ่ง และผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า การฝึกฝนนี้ ต้องทําตลอดชีวิต
แต่น่าเสียดายว่า  ระบบการศึกษาในปัจจุบันกลับเป็นตัวฆ่าพลังสร้างสรรค์และ
นวัตกรรม  ด้วยการจัดการสอนแบบท่องจํา  เน้นการอ่าน  เขียนและคิดเลข
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วิจารณ์  พานิช
13
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
ดังวิดีโอใน YouTube ที่เสนอโดย เซอร์ เคนเนธ โรบินสัน (Sir Kenneth Robinson)
ความผิดพลาดอย่างยิ่งของการศึกษา  คือ  การทําให้การทําผิดเป็นเสมือนสิ่งชั่วร้าย
ท่าทีเช่นนี้มีผลลดทอนความสร้างสรรค์ของเด็ก
ความเข้าใจผิดที่จะต้องแก้คือ  คนมักคิดว่าความสร้างสรรค์เป็นเรื่องของอัจฉริยะ
ซึ่งเป็นคนจํานวนน้อย  ในความเป็นจริงแล้วทุกคนมีความสร้างสรรค์อยู่แล้วใน
รูปของจินตนาการ  และการศึกษาต้องเพิ่มความสร้างสรรค์ของเด็กและของประชากร
ไทยทุกคน
ความเข้าใจผิดประการที่สองคือ  คิดว่าความสร้างสรรค์เป็นเรื่องของคนอายุน้อย
ซึ่งไม่จริงเสมอไป  เขายกตัวอย่าง  ปิกาสโซ่  (Picasso)  จิตรกร  ผู้ยิ่งใหญ่นั้น
ประสบความสําเร็จตอนอายุมาก  และความเข้าใจผิดประการที่สามคือ  คิดว่าความ
สร้างสรรค์เป็นพรสวรรค์เท่านั้น  ในความเป็นจริงคือ  มันเป็นทั้งพรสวรรค์และพรแสวง
โรงเรียนสามารถฝึกฝนความสร้างสรรค์ให้เด็กได้ด้วยการสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริม
การตั้งคําถาม  มีความอดทนและเปิด  กว้างต่อมุมมองแปลก    มีความไว้เนื้อเชื่อใจ
ระหว่างกัน และเรียนรู้จาก ความผิดพลาดหรือความล้มเหลว
วิธีหนึ่งของการฝึกความสร้างสรรค์คือ การจัดแข่งขันโครงการออกแบบ
การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม  ควรมีเป้าหมาย
และวิธีการดังต่อไปนี้
เป้าหมาย: ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
ใช้เทคนิคสร้างมุมมองหลากหลายเทคนิค  เช่น  การระดมความคิด
(Brainstorming)
    สร้างมุมมองแปลกใหม่  ทั้งที่เป็นการปรับปรุงเล็กน้อยจากของเดิม  หรือ
เป็นหลักการที่แหวกแนวโดยสิ้นเชิง
    ชักชวนกันทําความเข้าใจ  ปรับปรุง  วิเคราะห์  และประเมินมุมมองของ
ตนเอง เพื่อพัฒนาความเข้าใจเกี่ยวกับการคิด อย่างสร้างสรรค์
เป้าหมาย: ทักษะในการทํางานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
    พัฒนา ลงมือปฏิบัติ และสื่อสารมุมมองใหม่กับผู้อื่นอยู่เสมอ
ทักษะครูเพื่อศิษย์ไทย ในศตวรรษที่ 21
14
วารสารนวัตกรรมการเรียนรู้
 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 กรกฎาคม–ธันวาคม 2558
    เปิดใจรับและตอบสนองต่อมุมมองใหม่    หาทางได้ข้อคิดเห็นจากกลุ่ม
รวมทั้งการประเมินผลงานจากกลุ่ม เพื่อนําไปปรับปรุง
    ทํางานด้วยแนวคิดหรือวิธีการใหม่ ๆ และเข้าใจข้อจํากัดของโลกในการ
ยอมรับมุมมองใหม่
    มองความล้มเหลวเป็นโอกาสเรียนรู้ เข้าใจว่าความสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
เป็นเรื่องระยะยาว เข้าใจวัฏจักรของความสําเร็จเล็ก ๆ และความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
บ่อย ๆ ว่าจะนําไปสู่การสร้างสรรค์และนวัตกรรม
เป้าหมาย: ประยุกต์สู่นวัตกรรม
    ลงมือปฏิบัติตามความคิดสร้างสรรค์เพื่อนําไปสู่ผลสําเร็จที่เป็นรูปธรรม
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมเป็นหัวใจสําหรับทักษะเพื่อการดํารงชีวิต
ในศตวรรษที่  21  (21
st
  Century  Skills)  แต่ทักษะนี้ยังต้องมีทักษะอื่นมาประกอบ
และส่งเสริม อันได้แก่ทักษะอีก 3 ด้าน คือ ด้านสารสนเทศ (Information) ด้านสื่อ
(Media) และด้านดิจิตอล (Digital Literacy) ซึ่งจะกล่าวถึงในบทต่อไป







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น